ถึงแม้เนเธอร์แลนด์และเบลเยียมจะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่ผลงานของนักประดิษฐ์จากสองประเทศนี้กลับมีอิทธิพลต่อโลกอย่างยิ่งใหญ่ ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขายังคงกำหนดวิถีชีวิต การเรียนรู้ และการสื่อสารของผู้คนมาจนถึงปัจจุบัน
สิ่งที่น่าสนใจคือ ทั้งสองประเทศนี้ไม่เพียงมีชื่อเสียงด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นบ้านของนักคิดผู้มองเห็น “ความเป็นไปได้” ในสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว เช่น เลนส์แก้ว เครื่องดนตรี หรือแผ่นเสียงดิจิทัล ความอยากรู้อยากเห็น (Nieuwsgierigheid) และความคิดสร้างสรรค์ (Creativiteit) ของพวกเขาได้จุดประกายให้เกิดสิ่งประดิษฐ์ที่เปลี่ยนโลก และเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ว่า “ภาษาดัตช์” (Nederlands) ก็เป็นภาษาของผู้สร้างนวัตกรรมเช่นกัน
ลองมาทำความรู้จักกับนักประดิษฐ์ชาวดัตช์และเบลเยียมที่ยังคงมีอิทธิพลต่อโลกของเราจนถึงทุกวันนี้กันค่ะ
อันโทนี ฟาน เลเวินฮุค (Antoni van Leeuwenhoek)

ในช่วงปี ค.ศ. 1600s พ่อค้าผ้าชาวดัตช์ชื่อ อันโทนี ฟาน เลเวินฮุค (Antoni van Leeuwenhoek) ได้เริ่มสร้างเลนส์ขนาดเล็กด้วยตัวเอง แม้จะไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์โดยอาชีพ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาสร้างกล้องจุลทรรศน์อย่างง่ายที่สามารถขยายวัตถุได้มากกว่า 240 เท่า ทำให้เขากลายเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นแบคทีเรียและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในน้ำ ซึ่งเขาเรียกว่า “Animalcules”
ผลงานของเขาถือเป็นจุดเริ่มต้นของ “จุลชีววิทยา” (microbiologie ในภาษาดัตช์) ซึ่งกลายเป็นพื้นฐานสำคัญของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ความสำเร็จของฟาน เลเวินฮุคแสดงให้เห็นว่า แม้คนธรรมดาที่ไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการ ก็สามารถเปลี่ยนโลกได้ด้วยความพยายามและความหลงใหลในการเรียนรู้
นอกจากนี้ ฟาน เลเวินฮุคยังเป็นตัวอย่างของ “จิตวิญญาณดัตช์” (Nederlandse geest) ที่เชื่อมั่นในพลังของการสังเกตและการทดลองทุกครั้งที่เขาขัดเลนส์ด้วยมือ เขาไม่ได้เพียงสร้างเครื่องมือเท่านั้น แต่เขากำลังเปิดประตูสู่โลกที่มนุษย์ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ทุกวันนี้ กล้องจุลทรรศน์ที่เริ่มจากไอเดียเล็ก ๆ ของเขา ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในโรงเรียน โรงพยาบาล และห้องทดลองทั่วโลก เป็นสัญลักษณ์ของการค้นพบและความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่มีที่สิ้นสุด
คีส เชาแฮมเมอร์ อิมมิงก์ (Kees Schouhamer Immink)

หลายศตวรรษต่อมา วิศวกรชาวดัตช์ชื่อ คีส เชาแฮมเมอร์ อิมมิงก์ (Kees Schouhamer Immink) ได้เปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนฟังเพลงและจัดเก็บข้อมูล เขาทำงานร่วมกับบริษัท Philips และ Sony ในช่วงทศวรรษ 1980 เพื่อพัฒนา “แผ่นซีดี (Compact Disc)” หรือ cd-schijfje ในภาษาดัตช์ ซึ่งมีขนาดเล็ก ทนทาน และใช้งานง่าย
แผ่นซีดีได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วทั้งสำหรับการฟังเพลง (muziek luisteren) และการจัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ นวัตกรรมนี้ไม่เพียงเปลี่ยนวงการบันเทิงเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความเป็น “นักคิดเชิงเทคนิค” ของชาวดัตช์ ผู้ที่เชื่อว่าความคิดเล็ก ๆ ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ยิ่งใหญ่ได้
อิมมิงก์ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนา DVD และ Blu-ray ซึ่งต่อยอดจากหลักการเดียวกัน แม้ในปัจจุบันผู้คนจะนิยมการสตรีมออนไลน์มากกว่า แต่สิ่งประดิษฐ์ของเขาได้วางรากฐานสำคัญให้กับยุคดิจิทัล
คีส เชาแฮมเมอร์ อิมมิงก์ เป็นบุคคลตัวอย่างที่ดีของคำดัตช์ว่า innovatie — “นวัตกรรม” ที่เกิดจากความมุ่งมั่นและความคิดสร้างสรรค์แบบไม่หยุดนิ่ง
อดอล์ฟ แซกซ์ (Adolphe Sax)

จากฝั่งเบลเยียม ก็มีอีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์ที่ใกล้ตัวเราในชีวิตประจำวันเช่นกัน เครื่องดนตรีที่เราคุ้นหูกันดีอย่าง แซกโซโฟน (saxofoon)
ในปี ค.ศ. 1846 นักออกแบบเครื่องดนตรีจากเมืองดีน็องต์ชื่อ อดอล์ฟ แซกซ์ (Adolphe Sax) ได้จดสิทธิบัตรเครื่องดนตรีชนิดใหม่นี้ เขาต้องการสร้างเสียงที่รวมพลังของเครื่องทองเหลืองเข้ากับความนุ่มนวลของเครื่องลมไม้ ผลลัพธ์คือเสียงของแซกโซโฟนที่มีเอกลักษณ์และเต็มไปด้วยอารมณ์
สิ่งที่น่าทึ่งคือ แซกซ์เริ่มสนใจการออกแบบเครื่องดนตรีตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เขาเติบโตมาในครอบครัวช่างทำเครื่องดนตรี และใช้เวลาส่วนใหญ่ในเวิร์กช็อปของพ่อ เขามักทดลองปรับเปลี่ยนรูปร่างของท่อโลหะและช่องลมเพื่อหาคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด ความหลงใหลนี้นำไปสู่การประดิษฐ์ “แซกโซโฟน” ที่ในเวลาต่อมากลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นศิลปิน
หลังจากเปิดตัวครั้งแรก แซกโซโฟนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในวงโยธวาทิต เพราะเสียงของมันดัง ชัด และทรงพลัง ทำให้ทหารสามารถสื่อสารจังหวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อมาในศตวรรษที่ 20 เครื่องดนตรีชนิดนี้ได้กลายเป็นหัวใจของดนตรีแจ๊ส โดยเฉพาะในผลงานของศิลปินระดับตำนานอย่าง Charlie Parker และ John Coltrane
ทุกวันนี้ แซกโซโฟนยังคงเป็นเครื่องดนตรีที่คนทั่วโลกหลงใหล เพราะมันสามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้ทั้งความสุข, ความเศร้า, และความอิสระ มันไม่เพียงเป็นเครื่องดนตรี แต่เป็นภาษาหนึ่งของความรู้สึก เช่นเดียวกับภาษาดัตช์ ที่สามารถสื่อสารความหมายได้ลึกซึ้งหากเราเปิดใจเรียนรู้ค่ะ
นักประดิษฐ์เหล่านี้ไม่ได้เพียงสร้างเครื่องมือเท่านั้น แต่พวกเขาได้เปิดมุมมองใหม่ให้มนุษย์ได้ “เห็น ได้ยิน และรู้สึก” ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ผลงานของพวกเขาทำให้เราได้เข้าใจโลกใบนี้ในระดับที่ลึกขึ้น — ตั้งแต่การค้นพบสิ่งมีชีวิตเล็กที่สุด ไปจนถึงการบันทึกเสียงดนตรีและการสร้างเครื่องดนตรีที่ถ่ายทอดอารมณ์ของมนุษย์ได้อย่างงดงาม
แนวคิดของพวกเขายังคงส่งแรงบันดาลใจมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นเครื่องเตือนใจว่า “ความคิดสร้างสรรค์” และ “ความอยากรู้อยากเห็น” สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืนได้เสมอ
สำหรับผู้เรียนภาษาดัตช์ นี่ก็เป็นบทเรียนที่สำคัญ เพราะการเรียนรู้ภาษาคือการเปิดประตูสู่โลกใหม่ของความเข้าใจ การสื่อสาร และการมองเห็นความงดงามของวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไป เช่นเดียวกับนักประดิษฐ์เหล่านี้ การก้าวเล็ก ๆ ที่เริ่มจากความอยากรู้ อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเราได้เช่นกันค่ะ
แหล่งอ้างอิง
https://netherlandsexpat.nl/most-important-dutch-inventions/
https://www.expatica.com/be/moving/society-history/belgian-inventions-681232/
https://www.facebook.com/AlternativaRepresenta/photos/sabes-quienes-son-kees-schouhamer-immink-y-toshitada-doi-el-disco-compacto-fue-c/1041818932639631/