ตาตื่นแต่เช้าต้อนรับวันที่ 1 เมษายน 2564 เพราะระหว่างนั่งรถบริษัทไปทำงานยามเช้า มือก็สไลด์หน้าจอโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ เจอข่าวใน reddit.com เว็บบอร์ดดังแห่งโลกออนไลน์พาดหัวข่าวว่า “โฆษกประจำกระทรวงกิจการภายในประกาศให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ประจำชาติ” เห็นแค่หัวข่าวก็รู้สึกดี เพราะเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่ใช้ภาษาดัตช์เป็นภาษาประจำชาติก็จริง แต่ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของชาวดัตช์ไม่เป็นรองใครในย่านนี้ ประชาชนในประเทศเนเธอร์แลนด์สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีเป็นอันดับ 1 ของโลกในปี 2020 จากผลการสำรวจของ EF English Proficiency Index (EF EPI) ซึ่งเป็นผลการสำรวจความสามารถภาษาอังกฤษในระดับผู้ใหญ่ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่
ด้วยความอยากรู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง เลยคลิกเข้าไปที่ต้นตอเนื้อหาข่าวพบว่า การที่ชาวดัตช์สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมก็สามารถกลายเป็นปัญหาได้เช่นกัน โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติที่ต้องการจะเรียนรู้ภาษาดัตช์ เนื่องจากเหตุที่คนเนเธอร์แลนด์มีทักษะใช้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี ก็เลยมักจะสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษอยู่เสมอ จึงทำให้ชาวต่างชาติไม่สามารถฝึกภาษาดัตช์ได้ดีเท่าทีควร และมีพัฒนาการทางภาษาดัตช์ค่อนข้างช้า
คงเป็นข้อเสียของการเก่งภาษาอังกฤษที่อ่านแล้วก็อมยิ้มไป
การประกาศให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ของชาติยังส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลง “ชื่อ” ของหน่วยงานในภาษาอังกฤษอีกด้วย หน่วยงาน Belastingdienst (ภาษาไทยคือ ‘หน่วยงานสรรพากร’) ชื่อในภาษาอังกฤษ ‘Tax and Customs administration of The Netherlands’ จะถูกเปลี่ยนเป็น “His Royal Majesty’s Tax Authority” เพื่อให้ตระหนักถึงราชวงศ์ดัตช์
ที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือการเปลี่ยนชื่อเมืองต่างๆในประเทศเนเธอร์แลนด์ให้ต่างไปจากเดิมเพื่อให้ชาวต่างชาติออกเสียงได้ง่ายขึ้น เมือง IJsselstein (ตัว IJ ตัวใหญ่) เปลี่ยนเป็น Islington, Groningen จะเปลี่ยนเป็น Grantham (อีกนิดคงเพี้ยนไปเป็น Gotham มี Batman คอยปกป้องเมือง), Utrech จะเป็น Youbourne (เห็นชื่อแล้วก็อยากจะเป็นสายลับ Jason Bourne ขึ้นมาทันที) ส่วน Amsterdam จะยังคงเป็น Amsterdam ตามเดิม ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะต้องมีการบันทึกชื่อเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์กันใหม่ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือเรื่องที่ทางการเนเธอร์แลนด์ประกาศให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ของชาติก็เพื่อเอาใจบริษัทยายักษ์ใหญ่ในช่วงการระบาดของโคโรนาไวรัส โดยแหล่งข่าวในกรุงเฮกอ้างว่าพวกเขาเจอแก้วที่มีตราบริษัท Pfizer และ Biotech ในห้องพักรัฐสภา รวมถึงยังเจอกางเกงชั้นในลายธงชาติอังกฤษในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีอีกด้วย!
เอ๋…นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่การที่รัฐบาลให้ใช้ภาษาอังกฤษ? เพื่อเอาใจบริษัทผลิตวัคซีน?
อ่านมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก เพราะ Pfizer เป็นของอเมริกา Biotech ชื่อที่เขียนถูกต้องจริงๆคือ BioNTech ที่มีประเทศเยอรมันเป็นผู้ขับเคลื่อนบริษัท ทั้งสองบริษัทต่างให้ความร่วมมือกันเพื่อผลิตวัคซีนต้านไวรัสโคโรนา รวมเรียกเป็น Pfizer-BioNTech
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ ยังไม่มีข้อตกลงใดๆอันเกี่ยวเนื่องกับวัคซีน รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้รับแต่เพียง Marmite* 12,000 กิโลกรัมเป็นของขวัญทางการทูต
(Marmite คือ ผลผลิตจากยีสต์ ลักษณะคล้ายแยม สีออกน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ มักใช้กินโดยการทากับขนมปัง แต่รสชาตินั้นสุดจะบรรยาย แค่ได้กลิ่นก็ทำเอาหลายคนปิดจมูกเสียแล้ว ถึงขนาดมีสโลแกนหยอกล้อผู้บริโภคว่า ‘Whether you love it or hate it’ คือถ้าไม่ชอบก็เกลียดกันไปเลย อันนี้ขอบอกว่าเรื่องจริง เพราะบางคนแค่ดมกลิ่นก็ไม่ไหวแล้ว แต่บางคนกลับชอบ Marmite ถึงขนาดต้องกินแทบทุกวัน)
พออ่านเสร็จก็งงอยู่ชัวครู่ พยายามหาความสมเหตุสมผลของข่าวนี้ แล้วก็พบว่า
.
.
.
Gelukkige April Dwazen Dag!
Happy April Fool’s Day!
สุขสันต์ 1 เมษยน วันแห่งการโกหกนะจ๊ะ!
รูปจาก
https://www.shutterstock.com/search/dutch+british
https://www.facebook.com/Belastingdienst
https://www.pinterest.com
https://www.voathai.com/a/pfizer-fda-data-ct/5692577.html